บ้านอัจฉริยะ... ใครๆ ก็มีได้ ไม่แพงอย่างที่คิด

แนวคิดของบ้านอัจฉริยะอาจยังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างใหม่ หรูหรา และไกลตัวสำหรับเจ้าของบ้านในเมืองไทย ด้วยเหตุนี้เอง “อีซี่ไฮว์ฟ” จึงให้ความสำคัญในการให้บริการพร้อมด้วยคำปรึกษา (Service and Consult) เพื่อให้ความสบายใจกับผู้รับบริการว่าเราจะออกแบบระบบบ้าน/อาคารอัจฉริยะให้ตรงตามความต้องการและงบประมาณของคุณ นอกจากนั้นอีซี่ไฮว์ฟยังมีอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะที่ครบครันที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งเรายังเป็นผู้ให้บริการด้านบ้านอัจฉริยะเพียงผู้เดียวที่มีห้องShowroomที่มีเซ็นเซอร์หลากหลายและสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย ผู้ที่มีความสนใจสามารถดาวน์โหลดแอพลิเคชันมาทดสองด้วยตัวคุณเอง

                เราเรียกตัวเราเองว่า ezhive (ย่อจาก Easy Hive – อีซี่ไฮว์ฟ) เพราะเราเข้าใจว่าการใช้ชีวิตของคนปัจจุบันมีความยุ่งเหยิง วุ่นวาย เหมือนฝูงผึ้งที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการออกจากรังไปทำงานหาอาหารและมีเวลาเพียงน้อยนิดในการดูแลรังอันเป็นที่รัก จากการสำรวจเราพบว่าคนเมืองส่วนใหญ่ใช้เวลาในการเดินทางและทำงาน 11-14 ชั่วโมงต่อวัน หมายความว่าคนเหล่านั้นมีเวลาอยู่กับบ้าน10-13ชั่วโมงต่อวันอาจเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สร้างความประหลาดใจนัก  แต่หากคำนึงว่าตามหลักแล้วคนเหล่านั้นควรได้รับการพักผ่อน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน หมายความพวกเขามีเวลาเพียงแค่ 4-5 ชั่วโมงต่อวันในการดูแลบ้านอันเป็นรังที่รักของเขาและหากเขามีคนที่เขารักเช่น ลูกน้อย และบุพการีอยู่ที่บ้าน  การที่ต้องทิ้งคนเหล่านี้ไว้เพียงลำพังเป็นเวลา 11-14 ชั่วโมงต่อวันนั้นช่างยากต่อการทำใจ   เราจึงต้องการสร้างทางออกที่ทำให้การดูและรัง (Hive – ไฮว์ฟ) ของคนเหล่านี้ง่าย (Easy – อีซี่) ขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทำให้การดูแลบ้านและคนที่เขารักสะดวกสบายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเขา

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีล้ำไกลสู่ยุคที่เรียกว่า “The Internet of Things" ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของคุณสามารถเชื่อมต่อกันได้หมดผ่านระบบเครือข่ายของอินเตอร์เน็ต  และในเมื่อบ้านเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคน การใช้เทคโนโลยีมาช่วยดูแล และควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน หรือที่เรียกว่า “บ้านอัจฉริยะ” เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย  เพื่อบริหารค่าใช้จ่ายด้วยระบบการจัดการพลังงาน  และเพื่อรักษาความปลอดภัยแบบอัตโนมัติ  จึงเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น

                บ้านอัจฉริยะจะได้รับการติดตั้งด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่าเซ็นเซอร์ (Sensor) ซึ่งมีหลากหลายหน้าที่ตรวจจับค่าต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความเคลื่อนไหว ความสว่าง ฯลฯ   อีกทั้งยังควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กล้องวีดีโอ เปิด-ปิดไฟ ควบคุมม่าน ฯลฯ  โดยเซ็นเซอร์เหล่านี้จะ เชื่อมต่อและสื่อสารกันผ่านอุปกรณ์ตัวกลาง(Gateway)ที่จะทำหน้าที่เชื่อมต่อการทำงานของเซ็นเซอร์เหล่านั้นเข้ากับอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต 

ระบบของบ้านอัจฉริยะนั้น โดยหลักมีอยู่สองรูปแบบคือ ในรูปแบบของ Scene และ Automation  โดยรูปแบบ Scene คือการรวบรวมการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าเป็นกลุ่มตามสถานการณ์จำลองที่หลากหลายให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคุณ  ยกตัวอย่างเช่น สถานการณ์ของการตื่นนอนที่คุณต้องการให้ไฟและม่านในห้องเปิดออกพร้อมกับเครื่องวิทยุในห้องน้ำและการเริ่มทำงานของเครื่องทำกาแฟในครัว    รูปแบบที่สอง Automation คือการติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ทำหน้าตรวจจับค่าต่างๆและให้เซ็นเซอร์เหล่านั้นสั่งการอุปกรณ์อย่างอัตโนมัติเมื่อค่าดังกล่าวเกินกว่าที่กำหนดไว้  ตัวอย่างเช่น การทำงานของเซ็นเซอร์วัดค่าของระดับแก๊ซในอากาศ  ซึ่งหากมีการรั่วไหลของแก๊ซเกิดขึ้น เซ็นเซอร์จะทำการสั่งวาล์วแก๊ซให้ปิดตัวลงพร้อมแง้มเปิดหน้าต่างเพื่อระบายแก๊ซออกได้    สิ่งสำคัญคือ รูปแบบ ความสามารถ และระดับความซับซ้อน ของระบบบ้านอัจริยะนั้นสามารถออกแบบให้ยืดหยุ่นตามแต่จินตนาการ ลักษณะการใช้ชีวิต และงบประมาณของผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ (Fully Customizable)

:: Learn more | อ่านเพิ่มเติม ::

ชื่อของ Zigbee นั้นมีที่มาที่ลึกซึ้งและสื่อความหมายของเทคโนโลยีชิ้นนี้ได้เป็นอย่างดี คุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อคุณผึ้งแสนขยันเจอแหล่งอาหารแล้ว เขาจะกลับมาสื่อสารให้แก่ผึ้งตัวอื่น ๆ เพื่อระดมพลไปขนอาหารกันอย่างไร?

คาร์ล ริทเท่อร์ ฟอน ฟริช (Karl Ritter von Frisch) นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรีย เจ้าของรางวัลโนเบลปี 1973 ได้ค้นพบคำตอบว่า คุณผึ้งแสนขยันตัวนั้น จะกลับมาระบำด้วยสเต็ปซิกแซก (zigzag) ให้มิตรสหายดู โดยการระบำนั้นจะสามารถบอกแก่ผึ้งตัวอื่น ๆ ว่า อาหารอยู่ในทิศทางใด และมีระยะที่ไกลไปจากรังเท่าไหร่ ซึ่งจากการสื่อสารที่แหวกแนวนี้เอง ทำให้พวกผองผึ้งสามารถระดมพลกันไปขนอาหารได้อย่างถูกต้องนั่นแหละคือคำต้องว่าทำไมถึงมี โปรโตคอลที่ชื่อ Zigbee

                       เทคโนโลยี Zigbee จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการสื่อสารไร้สายที่ไร้ขีดจำกัดมากขึ้นกว่าเทคโนโลยีไร้สายแบบเดิม ๆ เช่น Bluetooth Wifi หรือ Z-Wave ในแง่ของขนาดเครือข่าย เทคโนโลยี Zigbee มีความยืดหยุ่นที่จะตอบสนองความต้องการของคุณได้มากที่สุด เพราะสามารถเชื่อมต่อได้ถึง 65,000 เซ็นเซอร์ ในขณะที่เทคโนโลยี Z-Wave เชื่อมต่อได้สูงสุดแค่ 230 เซ็นเซอร์ ในแง่ของความแรงของสัญญาญเทคโนโลยี Zigbee สามารถมี range ได้ถึง 300 เมตร ในขณะที่เทคโนโลยี Bluetooth สามารถไปไกลได้สูงสุดแค่ 10 เมตร และเทคโนโลยี Wifi สามารถไปไกลได้สูงสุดแค่ 100 เมตร นอกจากนั้น เทคโนโลยี Zigbee ยังประหยัดพลังงานสูงที่สุดในเทคโนโลยี   ไร้สายทั้งหมด ด้วยอุปกรณ์บางชิ้นสามารถใช้ถ่านนาฬิกาเล็ก ๆ เพียงหนึ่งก้อน และมีอายุใช้งานไปได้เป็นปีเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติที่เหนือชั้นเช่นนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยี Zigbee เป็นน้องใหม่ไฟแรงที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการทำระบบบ้านอัจฉริยะเพื่อดูและบ้านและคนที่คุณรัก

:: Learn more | อ่านเพิ่มเติม ::

สร้างแสงสีที่หลากหลายตามจินตนาการ และ ควบคุมไฟในบ้านได้จากมือถือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ใกล้ หรือไกล

ขจัดความรกและสร้างความสะดวกสบายด้วยการ รวบรวมรีโมทคอนโทรลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รีโมท ทีวี หรือ รีโมทแอร์ มาไว้ในมือถือคุณ

บอกลาความกังวลสำหรับวันหยุดยาว ระบบรักษา ความปลอดภัยแบบอัตโนมัติจะอัดวิดีโอ ส่งเสียง เตือนภัย และรายงานมือถือคุณทันทีที่มีผู้บุกรุก หรือเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ก๊าซรั่ว ไฟไหม้

เมื่อคนที่คุณรักต้องอยู่ตามลำพังที่บ้าน บรรเทา ความเป็นห่วงด้วยใช้กล้องวงจรปิดที่มีลำโพงในตัว ทำให้คุณสามารถสื่อสารกับคนที่บ้านได้ง่ายดาย

ควบคุมอากาศภายในบ้าน ด้วยเซ็นเซอร์ที่คอย ตรวจระดับของความเข้มข้นของความชื้น แสง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และฝุ่นอย่างอัตโนมัติ

ดูแลสุขภาพของตัวท่านเองและคนที่ท่านรัก ด้วย เทคโนโลยีลํ้าสมัยที่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัว คอยเก็บข้อมูลระดับความดันและนํ้าหนักให้ท่าน

ตอบทุกโจทย์ความต้องการของคุณ ด้วยเซ็นเซอร์ อัจฉริยะพร้อมปรับเปลี่ยนเข้ากับการใช้งานอัน หลากหลาย เช่น การรดน้ำต้นไม้ การจอดรถ

ปรับแต่งระบบบ้านอัจฉริยะด้วย Scenes เพื่อสร้าง สถานการณ์จำลอง

ขับเคลื่อนทุกระบบบ้านแบบ อัตโนมัติ ตามการใช้ชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณ